Wednesday, November 30, 2005

My iPod, 30G 7500 songs PC+Mac

ห่างหายจากวงการ blog ไปซะนาน ไม่ได้ blog มา 2 อาทิตย์เศษ ที่จริงก็ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แค่นั่งแปล KDE (ออก 3.5 แล้วนะจ๊ะ แต่ไหง ภาษาไทยยังไม่มีก็ไม่รู้ คุณโด่งอะเร่งแปลแล้วนะเนี่ย) แค่นั้นเอง แปลๆ ไปก็เกิดเบื่อๆ ไปซะงั้น (ไม่ได้เบื่อแปลนะครับ) เลยไม่ได้มาเขียน blog


วันก่อนลองโหลด
iTunes 6 มาลองเล่นดู ซึ่งก็ยังไม่มี iPod อยู่ดี รู้สึกว่า Apple นี่ทำอะไรเข้าท่ามากๆ ทั้งการจัดการไฟล์เพลง การจัดการ Podcast รวมทั้ง iTunes Music Store ก็ด้วย แต่ลองๆ เข้าไป search ดูแล้วก็ไม่เห็นมีเพลงที่เราอยากฟังเลย(ว่ะ) คือ ชอบ T-SQUARE มากๆ แล้วก็เจือกทำทั้งเทปทั้ง CD หายไปบ้าง ไม่ได้ซื้อบ้าง บางชุดซื้อเทป แต่อยากได้ CD ปรากฏว่า สงสัย Sony ไม่อยากเล่นกับ Apple อุตส่าห์ลองเข้าไปดูที่ iTunes Japan ยังไม่มีเลย ก็แห้วไป ดูท่า Apple คงไม่ได้กินเงินตูในเรื่องนี้แน่ อ้อ อีกอย่างที่ประทับใจมากคือ มันเตรียม Radio Stream มาให้เพียบ เพราะๆ ทั้งนั้น สุดยอด ทีนี้ก็ลองฟัง Podcast ดู โอ... นี่ก็สุดยอดอีกเหมือนกัน นับว่า Apple ฉลาดมากที่หันมาสนับสนุน Podcast รายการแรกที่โหลดมาฟังก็คือ MacDD Radio ของ MacDD.com นั่นเอง ฟังๆ ไปชักหมั่นไส้คนเล่น Mac เหมือนกันแฮะ

ทีนี้มาเรื่องที่จั่วหัวไว้ ในที่สุดก็ได้ iPod 5G ขนาด 30G มาครอบครอง หึหึ หุหุ โฮ้โฮ่ๆๆๆๆๆ ด้วยราคาที่ถูกกว่าเมืองไทยกว่าห้าพัน อาศัยใบบุญของหวานใจที่เป็นนักเรียนของ Monash University ทำให้ได้ส่วนลด (student discount) ~10% คือจาก AU$ 449 เหลือ AU$ 403.70 และเนื่องจากซื้อตอนใกล้บินกลับเมืองไทยก็ว่าจะเอาไปเคลม GST (เหมือน VAT) อีก 10% ที่สนามบิน (AU$36.70) สรุปเป็น iPod ที่ถูกมาก รวมแล้วคือ AU$ 367 หรือประมาณ 11,200 บาทเท่านั้น (ณ วันที่จ่าย ไม่รู้ตอนนี้ค่าเงินขึ้นไปเท่าไหร่แล้ว) ไม่ได้ซื้อ Apple Care เพราะมันแพง AU$ 99 แน่ะ เทียบกับราคา iPod แล้วไม่ค่อยคุ้ม ส่วนตัว iPod ได้มาไม่ทันไรจับใส่ๆ หมดพื้นที่ไปแล้ว 10% (รู้งี้ซื้อ 60G ดีกว่า) ตอนนี้แฟนอยากได้ remote อีก (ไม่ใช่ที่ใช้กับ Dock นะครับ เป็นแบบ remote ของ walkman น่ะ) แต่ไม่รู้ซื้อที่ไหน ใน Apple Store ไม่มีสำหรับรุ่น 5G ขาย

ได้ iPod มาลองกับมือแล้วรู้สึกว่า บางมาก ประกอบดี (แม้ว่าจะ Assembled in China ก็เหอะ -_-' เสียวๆ เหมือนกันนะเนี่ย) click wheel นี่เป็น interface ที่เจ๋งมาก และรู้สึกว่าใช้งานค่อนข้างง่ายสามารถใช้สัญชาตญาณได้ (intuitive น่ะ) แต่อย่างน้อยก็ควรเปิด Quick Start อ่านซะก่อน จะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาด

พอเสียบเข้าคอมที่มี iTunes (+ ipodservice) อยู่แล้วเครื่องก็สามารถ detect iPod ได้ทันทีและจัดการ sync (แปลว่าอะไรดี) เพลงใน library และ playlist (แปลว่าไงดี) ให้ทันที การถ่ายเพลงผ่าน USB 2.0 เร็วมาก ทั้งหมด ~ 2G ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีเลยอะ เสร็จแล้ว เสียงก็นับว่าดีมาก เสียงเบสหนักดี ชอบ (หูฟังมาตรฐานที่แถมมา) ขั้นต่อไป ลองดู video ด้วยการแปลงไฟล์ *.avi (DivX) ที่มีอยู่ในเครื่องด้วย Videora iPod Converter (เป็น front end อีกตัวของ ffmpeg) ที่มาพร้อม profile สำหรับแปลงให้เสร็จสรรพ เป็น .mp4 ขนาด 320× 240, 768 kbps/128kbps จากไฟล์หนังFansub Magiranger ตอนที่ 27 (TV-Nihon.com)ขนาด 230 MB เหลือประมาณ 150 MB ดูในจอ iPod แล้วชัดเหลือเชื่อ อ่าน subtitleยังได้เลยอะ สุดยอด... แผนต่อไปคือ rip VCD Karaoke ที่ซื้อเอาไว้นานแล้วมาลง iPod เก็บไว้ดูบนเครื่องบินตอนจะกลับบ้าน (iTunes ก็ไม่ได้กินเงินตูอีกเช่นเคย)

โอกาสหน้าเดี๋ยวจะมาเล่าเพิ่มเรื่อง iPod, 30G 7500 songs PC+Mac(+Linux) นะจ๊ะ

ปล . ตอนแรกไม่รู้เลยหว่ะ ว่าจะซื้อ Student price นี่ซื้อได้แต่ On-line ไปซื้อที่ Apple Centre ไม่ได้ =_=' ไปถามที่ร้านบอกว่าต้องสั่ง on-line หรือ by phone ไม่รู้ทำไม (โดนหวานใจว่านิดหน่อยเรื่องทำไมไม่ถามก่อน เสียเวลามาที่ร้าน) เพื่อความแน่ใจก็โทรไปถามที่ Apple (133MAC) อีกทีก็ยืนยันว่า ซื้อ on-line คนซื้อก็ต้องอายุ 18 up แถมต้องมีบัตรเครดิตอีก จริงๆ ก็มีทางเลือกอื่น เช่น money order หรือ ตั๋วแลกเงิน กับ เช็ค แต่จะลำบากเพิ่มขึ้นด้วยต้องโทรไปที่ Apple แล้วก็บอกว่าจะจ่ายแบบอื่น ไม่มีบัตรเครดิต แล้วก็จะเสียเวลาเคลียร์เช็คอีก 2-4 วันทำการกว่า order จะได้รับการ process สรุป... สั่ง online ด้วยบัตรเครดิต order confirmed และ ส่งของภายใน 24 ชั่วโมงวันจันทร์ ได้ iPod มาเมื่อเช้า (วันพุธ) ตอน 8 โมง เร็วมาก... ^_^

Sunday, November 13, 2005

OpenOffice.org 2.0

ช่วงนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องฮิต เลยขอเขียนมั่ง หลังจากได้ลอง OO.o เวอร์ชัน 2.0 บน Windows มาได้สักพักก็ค่อนข้างประทับใจพอสมควร กับคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เพิ่มมาจากเวอร์ชันแรก ก็เลยลองโหลด ของ Linux มาลองติดตั้งดูบน Yoper มั่งโดยจัดการลบเวอร์ชันเก่า (มาก) ที่ติดมากับ Yoper ออกก่อน โหลดเรียบร้อย ได้มาเป็นไฟล์ .tar.gz ก็ลองแตกออกมาดูปรากฏว่าเป็นไฟล์ rpm เต็มไปหมด!? เอาล่ะสิ ใส่ตัวไหนก่อนดีวะ เดี๋ยว dependencies ตีกันยุ่งเลย เปิดหาใน readme ก็ไม่บอกไว้ว่าจะให้ติดตั้งยังไง ตามไปตามมาก็ต้องขุดเข้าไปในเว็บของ OO.o เยอะเหมือนกัน ปรากฏว่าติดตั้งง่าย ๆ เลย แค่เข้าไปใน Directoryที่แตกออกมาแล้วก็สั่ง


# rpm -Uvh *.rpm


มันจัดการลงไฟล์ให้ตามลำดับเรียบร้อย
... (ไม่ยักรู้ว่า rpm ทำแบบนี้ก็ได้ด้วยแฮะ... อายเป็นบ้าเลย ปกติเคยลงแต่โปรแกรมเดี่ยวๆ อันนี้มันมาเป็นชุด) ที่ /opt (จริงๆ สามารถระบุ directory ที่จะให้ติดตั้งก็ได้ แต่ขี้เกียจ)

ลงเสร็จก็ลองเริ่มใช้งาน ... เปิดที่ KDE menu อ้าวเฮ้ยไม่มีที่เรียกโปรแกรม เอ้า! ไม่เป็นไร เรียกจาก command line ก็ได้วะคงเหมือนๆ เวอร์ชันก่อน สั่ง soffice ... อ้าวทีนี้บอกว่าไม่รู้จักคำสั่ง -_-'... ก็ไม่เป็นไรสงสัยไม่ได้ตั้งพาธเอาไว้ ก็เข้าไปทำ symbolic link เอาไว้ที่ /usr/bin แล้วก็เรียก soffice... ขึ้นมาแล้วเป็นหน้าว่าง ต้องสั่งสร้างเอกสารใหม่เป็น writer แล้วก็จัดการตั้งค่าตัวเลือกเกี่ยวกับภาษาไทยทั้งหลายทั้งปวงที่ mk เขียนไว้ที่นี่ แล้วก็เริ่มลอง อืม.. เท่าที่ลองก็ตัดคำไทยบน linux ได้ดีพอๆ กับ win (แหงละ) แต่มีบางคำตัดคำแปลกๆ ยังไม่ได้ลองอะไรมากกว่านี้ แต่ใช้ๆ ไปชักชอบ Styles and Formatting แฮะ สะดวกดีใช้ได้เลย (จริง ๆ แล้วเวิร์ดโปรเซสเซอร์ตัวไหน ๆ ก็มี แต่ไม่เคยใช้) นอกจากนี้ก็ลองใช้ Impress เปิดสไลด์ของ PowerPoint ดู (ที่ไม่ได้มี animation อะไรมากมาย) ก็สามารถแสดงผลและ animation ได้เที่ยงตรง (สไลด์ภาษาอังกฤษล้วน) ส่วนวิธีเรียกแต่ละโปรแกรมขึ้นมาทำงานก็ไม่มีอะไรมาก แค่เติม ชื่อโปรแกรมเข้าไปหลัง soffice แค่นั้นเอง เช่น soffice -writer, soffice -impress, soffice -calc ก็จะเปิดโมดูลที่ต้องการขึ้นมาได้

สรุป ใช้งานบน Linux ได้เหมือนบน Windows เลย และเท่าที่ใช้มายังไม่มีอาการ crash ต อน บันทึกไฟล์เลยสักครั้ง แต่หวังว่าคงจะปรับปรุงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความยืดหยุ่นอีกหน่อยโดยเฉพาะการสร้างกราฟ เออเพิ่งสังเกตว่าไอ้เครื่องมือ I cursor ที่ใช้ไปบรรทัดที่ต้องการได้ทันทีแม้จะยังพิมพ์ลงไปไม่ถึง มันหายไปไหนหว่า สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ทีม OO.o, Sun, Sipa และทุกๆ ท่านที่ได้สร้างสรรค์ชุดซอฟต์แวร์สำนักงานทางเลือกมาให้แก่โลกใบนี้นะครับ

คลิตรงนี้ไปดูเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
click here to see English version

Saturday, November 05, 2005

น้ำตาเพชฌฆาต


เมื่อคืนนั่งแปล KDE จนดึกดื่น (แปลไปเล่นไปดู TV ไป :P ) ก็เลยมีโอกาสได้ดูผลงานการ์ตูนสุดคลาสสิคของ อิเคงามิ เรียวอิจิ เรื่อง น้ำตาเพชฌฆาต หรือ Crying Freeman ภาคคนแสดง (1995)เป็นหนังฝรั่งนะไม่นึกว่าเก่าขนาดนี้เหมือนกันแฮะ -_-' (คุ้นๆ ว่าเคยมีคนเอาไปทำภาคฮ่องกงด้วย)เป็นผลงานร่วมกันของโตเอะ(บริษัทที่ทำ Kamen Rider) กับบริษัทอะไรไม่รู้จำไม่ได้ rate ของหนังเป็นถึงขั้น MA เนื่องด้วย Violence and strong sex scene เลยมาฉายซะเกือบตี 1

เ รื่องในหนังจับความตั้งแต่เริ่มต้นจนมาประมาณจบเล่ม 4 (ฉบับพิมพ์ดั้งเดิมของสยามฯ ชนิดไม่มีลิขสิทธิ์) ได้มั่้งตอนที่สู้กับพวกแก๊งค์ของริวจิเสร็จแล้วก็โดดลงทะเล ... ก่อนที่โย จะกลายเป็นหลงไท่หยางหัวหน้าองค์การ ๑๐๘ มังกร เนื้อเรื่องก็มีการดำเนินเหมือนภาคการ์ตูนเกือบหมด ฆ่าคนโน้นคนนี้ ตัวประกอบเกือบครบถ้วน มีการดัดแปลงพอสมควร ทั่้งสถานที่เกิดเหตุการณ์ก็เป็นอเมริกา แล้วก็ย้ายไปเซี่ยงไฮ้ แล้วก็มาญี่ปุ่น ไปๆ มาๆ ดูแล้วงงๆ คุณตำรวจ นีตะ (ถ้ายังจำได้) กลายเป็นตำรวจอเมริกัน !? (หรือเป็นอินเตอร์โปลวะ) ไม่รู้มาสืบอะไรกับเหตุการณ์ที่ยากูซ่าญี่ปุ่นไปบุกฆ่าคนในโรงงานทำเต้าหู้ท ี่เซี่ยงไฮ้ (ถิ่น ๑๐๘ มังกร) -_-'

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หนังเรื่องนี้ใช้ 3 ภาษา อังกฤษ-จีน-ญี่ปุ่น ตอนมันพูดภาษาอื่นเจือกไม่มี subtitle ขึ้นมาแล้วกรูจะรู้ไหมว่ามันพูดอะไร -_-' (ถ้าไม่ได้อ่านมาก่อน งงตายเลย)

ดูแล้วคิดถึงจังเคยซื้อไว้ครบชุดเลย ไม่รู้เอาเรื่องนี้ไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลิขสิทธิ์เลย การ์ตูนเรื่องนี้มีฉาก เปลือย และ sexual intercourse เยอะทีเดียว (แต่ดูแล้วมันไม่เกิดอารมณ์นะ -- นี่แหละศิลปะ) ขืนเอาเข้ามาคงโดนนายกเก็บไปเผาทิ้งหมด

Thursday, November 03, 2005

KDE l10n Episode 2

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเครื่องมือที่ผมใช้ในการแปลนั้นมีหลายตัวอยู่ ตั้งแต่ svn ที่เป็น version control (ใช้ง่ายกว่าที่คิด), Kbabel ที่เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยจัดการไฟล์ .po, เว็บสถิติการแปลของ KDE ที่ช่วยให้ผมตัดสินใจได้ว่า ควรจะจัดการกับส่วนไหนก่อน, ไฟล์ po ของภาษาญี่ปุ่น (ใช้อ้างอิงในบางคำ ว่า มันแปลหรือทับศัพท์หรือไม่ได้แปล) เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นออกบ้างเล็กน้อย อ่านออกเสียงได้ อ่านคันจิได้บางตัว -_-' รวมทั้ง OSS Glossary ของ opentle และดิกเล็กซิตรอน

หลังจากนั่งแปล KDE มาได้สักพัก ก็เริ่มพบปัญหาเยอะขึ้นๆ แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากคุณ Donga และ หลายๆ คนที่อยู่ใน l10n mailing list ขอขอบคุณไว้ตรงนี้

ปัญหาที่พบมากๆ ก็คือว่า คำหลายคำนั้นยังไม่มีคำอธิบายภาษาไืทยที่สั้น กระชับได้ใจความ โดยเฉพาะเมื่อต้องแปลไปใส่ให้กับส่วนติดต่อผู้ใช้ (ถ้าเป็นพวกคู่มือ เราอาจจะใส่ให้ยาวๆ เพื่อขยายความก็ได้) นอกจากนี้ ประโยคอธิบายบางประโยคที่ถูกแปลมาก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะเป็นการแปลตรงตัวและ ใช้ไวยากรณ์เหมือนภาษาอังกฤษเช่นรูปการถูกกระทำ (passive voice) ซึ่ง มันก็อ่านรู้เรื่องนะครับ แต่มันดูแข็งๆ (อย่าคิดลึก) ยังไงไม่ทราบ ก็เลยต้องปรับหน่อยให้มันฟังดูสละสลวย (แต่ยาวขึ้น)

อีกอันคือเรื่อง fuzzy ซึ่งตอนแรกไม่เข้าใจ นึกว่าหมายถึง คำที่หาคำแปลแน่นอนเป็นทางการไม่ได้ แต่ไม่ใช่ คำอธิบายให้กลับไปดูที่คุณโ่ด่งอะ comment ไว้ใน post ที่แล้ว

อันที่ 3 ก็คือ KDE มันมี bot คอยใส่คำแปลที่ดูไปในทางเดียวกันให้ด้วย (เพิ่งรู้) แล้วใส่ comment ว่า fuzzy ซึ่งอันนี้ อ่านคำที่มันพยายามใส่ให้แล้วอารมณ์เสีย (อย่างงี้ไม่ต้องใส่ดีกว่า)

สรุป ตอนนี้ก็นั่งแปลไปเรื่อยๆ กะว่าจะทำให้ได้อย่างน้อยวันละไฟล์ (ที่มีคำแปลระดับไฟล์ละ 200-300 ขึ้นไป) ระดับการแปลก็เขียวเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ไปดูได้ครับ :D (แต่ก็ต้องแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือด้วยอะ เดี๋ยวตกอีก -_-')

คำคมวันนี้ -- ภาษาไทยยากกว่าที่คุณคิด หุหุ